https://www.siphhospital.com/th/news/article/share/985/knee-osteoarthritis
ข้อเข่าโดยทั่วไปจะมีลักษณะคล้ายบานพับ โดยมีส่วนปลายของกระดูกต้นขาซึ่งมีลักษณะกลม และส่วนต้นของกระดูกหน้าแข้งจะมีลักษณะเป็นแอ่งตื้นๆ โดยกระดูกทั้งสองส่วนจะเชื่อมต่อกันด้วยเส้นเอ็นที่แข็งแรง คอยค้ำจุนอยู่ทั้งหมด 4 เส้น อยู่บริเวณด้านข้างและตรงกลาง (เอ็นไขว้หน้าและหลัง) ขอบบนของลูกสะบ้าจะมีกล้ามเนื้อต้นขาส่วนหน้า (Quadriceps) ที่แข็งแรงเกาะยึดไว้ และส่วนปลายของลูกสะบ้ามีเอ็นเกาะติดกับส่วนของกระดูกหน้าแข้งหรือที่เรียกว่า “เส้นเอ็น” และในส่วนของลูกสะบ้าจะมีความสำคัญอย่างมากในการส่งถ่ายแรงของข้อเข่าโดยเฉพาะเวลาเหยียดเข่า
เกิดจากปลายกระดูกหน้าแข้งต่อกับกระดูกต้นขา ปลายกระดูกทั้ง 2 ส่วนจะมีกระดูกอ่อนมาคลุม เพื่อช่วยลดแรงกระแทก บริเวณข้อเข่าด้านหน้าจะมีกระดูกสะบ้า ซึ่งทำหน้าที่เป็นคานให้เข่าเหยียดและงอได้สะดวก บริเวณรอบ ๆ ข้อจะมีเยื่อหุ้มข้อบุภายใน และภายนอกจะมีเส้นเอ็นรอบ ๆ ข้อ เพื่อให้ข้อเข่ามีความแข็งแรง
เกิดจากข้อเข่าที่มีการเสื่อมสลายของผิวกระดูกอ่อนที่คลุมปลายกระดูกต้นขาส่วนต้นของกระดูกหน้าแข้งและกระดูกสะบ้า บางครั้งมีการอักเสบของเยื่อบุข้อ ทำให้น้ำในเยื่อบุข้อถูกสร้างมากขึ้น ทำให้มีอาการปวด ไม่สามารถงอเข่าได้เต็มที่ และมีลักษณะบวมกว่าข้างปกติ หากปล่อยทิ้งไว้นานกระดูกอ่อนจะถูกทำลายมากขึ้น และส่งผลให้มีอาการปวดมากในขณะยืนหรือเดิน น้ำหนักจะถูกส่งมาที่กล้ามเนื้อต้นขาและส่งต่อมายังข้อเข่า หากกล้ามเนื้อต้นขาแข็งแรงก็จะสามารถรับน้ำหนักได้มากกว่า ทำให้ข้อเข่ารับน้ำหนักได้น้อยลง แต่หากกล้ามเนื้อต้นขาไม่แข็งแรง รับน้ำหนักได้น้อย ก็จะทำให้ข้อเข่าต้องรับน้ำหนักมากขึ้น
เกิดจากการสึกกร่อนของกระดูกอ่อนในข้อต่าง ๆ โดยสาเหตุเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของกระดูกอ่อนที่คลุมผิวข้อไว้นิ่มกว่าปกติ แตกเป็นร่อง ทำให้ความสามารถในการยืดหยุ่นและการควบคุมปลายประสาทเสียไป หรืออาจมีปัจจัยอื่น ๆ ร่วมด้วย ซึ่งปัจจัยที่นำไปสู่การเกิดโรคข้อเสื่อม คือ
-อายุและเพศ ผู้ที่สูงอายุกว่าจะเป็นโรคข้อเสื่อมมากกว่าคนวัยหนุ่มสาว ในขณะเดียวกันมักจะเกิดขึ้นกับเพศหญิงมากกว่าเพศชาย เพราะเพศหญิงมีความแข็งแรงของกระดูกและกล้ามเนื้อน้อยกว่าเพศชาย
-การใช้ข้อผิดวิธี การเดิน-ลงบันไดบ่อยๆ หรือการนั่งยองๆ นั่งคุกเข่า นั่งพับเพียบ หรือนั่งขัดสมาธิเป็นเวลานาน เหล่านี้ล้วนแต่นำไปสู่โรคข้อเสื่อม
-การได้รับบาดเจ็บ ผู้ที่เคยประสบอุบัติเหตุบริเวณข้อต่อ กระดูกหัก ข้อเคลื่อนหลุดหรือการบาดเจ็บที่มีผลต่อผิวกระดูกอ่อนซ้ำ ๆ
-การอักเสบของข้อที่นานและรุนแรง เช่น โรครูมาตอยด์ โรคเก๊าต์ ทำให้เกิดการอักเสบในข้อ และทำลายกระดูกอ่อนผิวข้อ