Collagen Type II (UC2) /คอลลาเจนไทพ์ทู ยูซีทู จาก USA ....40 mg. (มก.)
Calcium L Threonate /แคลเซียมแอล-ธรีโอเนต จาก USA ……950 mg (มก.)
Shark Cartilage Powder/ผงกระดูกอ่อนปลาฉลาม จาก………6,300 mg.(มก.)
Avocado Powder /ผงอะโวคาโด จาก Germany……………..2,200 mg. (มก.)
บำรุงกระดูกข้อเข่าและส่วนต่างๆ, ซ่อมแซมกระดูกที่สึกหรือบริเวณข้อ, กระตุ้นการสังเคราะห์เซลล์กระดูกอ่อนเพิ่มขึ้น, เพิ่มน้ำหล่อเลี้ยงของข้อเข่า, เพิ่มระดับกรดไฮยาลูโรนิค (Hyaluronic acid, ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่ขัดขวางการผลิตน้ำหล่อเลี้ยงเนื้อเยื่อ, ช่วยลดอาการปวดข้อเพิ่มความสามารถในการเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น
เหมาะกับผู้ที่มีอาการปวดข้อเข่า มีอาการดังลั่นจากหัวเข่า คนออกกำลังกาย หรือผู้ที่ใช้งานข้อต่อมาก และทานเพื่อป้องกันข้อเข่าเสื่อม
โดยทั่วไป รับประทานวันละ 1ซอง ก่อนอาหารเช้า
สำหรับผู้ที่มีอาการข้อเข่าเสียงดัง หรือมีอาการปวดตามข้อเข่า
ใน 2 สัปดาห์แรก รับประทาน วันละ 1 ซอง ก่อนอาหารเช้า
หลังจากนั้น รับประทานวันละ 2 ซอง
ก่อนอาหารเช้า 1 ซอง และ ก่อนอาหารเย็น 1ซอง
แนะนำให้ทานเมื่อท้องว่าง โดยชงกับน้ำดื่มอุณหภูมิห้อง
แนะนำให้รับประทาน 3 เดือน หยุด 1 เดือน
ไม่เหมาะกับผู้ป่วยโรคไต ผู้ป่วยที่ทานยา warfarin ไม่เหมาะกับผู้ป่วยโรคหัวใจ และผู้แพ้อาหารทะเลไม่ควรรับประทาน (มีผลิตภัณฑ์จากปลา) ผู้ที่เป็นมังสวิรัติ ไม่ควรรับประทาน (มีสารสกัดจากอกไก่ และ ปลา) เด็กและสตรีมีครรภ์ ผู้ที่พักฟื้นจากการผ่าตัด ไม่ควรรับประทาน
ควรออกกำลังกายสม่ำเสมอ ควบคู่กับการรับประทานอาหารครบ 5 หมู่ ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ลิตร ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอโวเจนเป็นตัวช่วยเสริม ไม่มีผลต่อการรักษาโรค
ผู้ที่มีอาการปวดเริ่มเห็นผลในสัปดาห์ที่ 2-3 หลังจากนั้นเสียงดังจากหัวเข่าและอาการปวดจะเริ่มดีขึ้น แนะนำว่าควรรับประทานอย่างต่อเนื่อง (ควรรับประทานสูงสุดเพียงแค่ 2 ซองต่อวัน หากทานมากกว่านี้ก็ไม่ได้มีผลประโยชน์เพิ่มแต่อย่างใด และไม่มีผลต่อการรักษาที่มากขึ้นด้วย รับประทาน 3 เดือน หยุด 1 เดือน
ไม่มีผลข้างเคียง สามารถทานได้ แต่ในเด็กเล็กไม่ควรรับประทาน เพราะเด็กเล็กสามารถรับ cal2+ ได้จากแหล่งอื่นๆ ภายในร่างกายได้อยู่แล้ว และไม่มีปัญหาเกี่ยวกับเข่าหรือกระดูก ส่วนในวัยผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป สามารถรับประทานได้ แต่ทั้งนี้ต้องไม่เป็นผู้ป่วยโรคไต และหัวใจ ผู้แพ้อาหารทะเล
การรับประทานคอลลาเจนเหมือนการเติมน้ำเลี้ยงไขข้อ อาหารเสริมไม่ใช่ยารักษาโรค ฉะนั้น แนะนำให้ทานเพื่อเสริมสร้างสารอาหารในร่างกาย ร่างกายเปรียบเสมือนเครื่องจักรใช้งานหนักต้องบำรุงอย่างสม่ำเสมอ การรับประทานอาหารเสริมทุกชนิดควรมีเวลาเว้นทาน หากทานแล้วประมาณ 3 เดือน และประกอบกับการดุแลอาหารสุขภาพ ออกกำลังกาย ดื่มน้ำ และพักผ่อน เพื่อความสมดุล ผลขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
ทานได้ตั้งแต่อายุ 25 ปีขึ้นไป แต่ในเด็กเล็กไม่ควรรับประทาน เพราะเด็กเล็กสามารถรับ cal2+ ได้จากแหล่งอื่นๆ ภายในร่างกายได้อยู่แล้ว ส่วนในวัยผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป รับประทานได้ แต่ทั้งนี้ต้องไม่เป็นผู้ป่วยโรคไต และ โรคหัวใจ
ไม่แนะนำสำหรับคนอายุน้อย เนื่องจากไม่ได้มีปัญหาทางด้านกระดูกหรือไขข้อ แนะนำให้รับประทานเฉพาะผู้ที่มีการออกกำลังกายหนัก, ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีความเสี่ยงในเรื่องของกระดูกหรือข้อเข่า
ผู้ป่วยโรคไตและผู้ป่วยที่รับประทานยา warfarin ผู้ป่วยโรคหัวใจ
สำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน (ไม่มีน้ำตาล) และความดันสามารถทานได้ แต่ไม่แนะนำสำหรับท่านที่เป็นโรคไตเท่านั้น
ทานแล้วมีอาการผื่นขึ้นตามข้อพับหรือส่วนต่างๆ ของร่างกาย หรือมีอาการหายใจติดขัด แนะนำให้หยุดทานอาหารเสริมและรีบปรึกษาแพทย์ทันที
หากเป็นผู้แพ้อาหารทะเลไม่ควรรับประทาน เนื่องจากร่างกายแต่ละบุลคลไม่เหมือนกันอาจจะเกิดอาการแพ้หรืออาจจะไม่เกิดขึ้นก็ตาม หรือถ้าเกิดอาการแพ้ อาการของแต่ละบุคคลอาจจะไม่เหมือนกัน เช่น มีผื่นคัน หายใจติดขัด หรืออื่นๆ
เนื่องจาก Collagen Type2 UC-II ละลายในไขมันได้ดีกว่าน้ำ แต่ยังให้ประสิทธิภาพที่ดี เนื่องจากจะถูกดูดซึมในลำไส้เล็กได้ดี
ไม่มีผลข้างเคียง อาหารเสริมเป็นสารให้ความหวานแทนน้ำตาลที่ให้พลังงานน้อย และสามารถทานได้ทุกเพศทุกวัย
ไม่ควรทานเกิน 2 ซองต่อวัน ในกรณีที่เกินนั้น อาจส่งผลเสียต่อตับและไตได้
เป็นคอลลาเจนชนิดใหม่ ที่สกัดจากกระดูกอ่อนของอกไก่ ช่วยกระตุ้นการสร้างกระดูกอ่อนตามข้อต่อขึ้นมาใหม่ช่วยลดการอักเสบของข้อต่อ
เป็นแคลเซียมรูปแบบพิเศษที่ได้มาจากกระบวนการสกัดวิตามินซีในข้าวโพด ดูดซึมได้ดีกว่าแคลเซี่ยมอื่น 9 เท่าช่วยบำรุงกระดูก สร้างความแข็งแรงให้กระดูกและข้อ
กระดูกอ่อนปลาฉลามมีสารพิเศษชนิดหนึ่ง ที่ช่วยป้องกันการสลายตัวของกระดูกอ่อน ทำให้กระดูกอ่อนที่ข้อต่อแข็งแรง และป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับกระดูกและข้อต่อ กระดูกอ่อนปลาฉลามยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุแคลเซียมและฟอสฟอรัส ซึ่งจำเป็นต่อกระดูกและฟัน บรรเทาอาการปวดข้อและป้องกันโรคข้อเสื่อม
มีสารสำคัญในการปกป้องกระดูกอ่อน ชื่อ Phytosterol กระตุ้นการสังเคราะห์ คอลาเจน ยับยั้งการสลายตัวของกระดูกอ่อน ปกป้องเซลล์กระดูกอ่อนโดย
Avogen มีประสิทธิภาพมากกว่าด้วยสารสกัดที่ทั้งเข้มข้นและใหม่กว่า
* Shark cartilage ที่มากกว่าอาหารเสริมในตลาด
* Collagen type 2 คือคอลลาเจนบำรุงข้อใช้ปริมาณน้อยกว่าแต่ได้ผลที่มากกว่า เราใช้แบรนด์ UC-II ซึ่งเป็นแบรนด์จดสิทธิบัตรจาก USA ที่ใช้ปริมาณน้อยกว่า แต่ให้ผลอย่างชัดเจน
*Calcium L-Threonate ซึ่งเป็นแคลเซี่ยมที่ดีที่สุดในปัจจุบัน ซึ่งสามารถดูดซึมได้ดีถึง 95% โดยไม่ต้องอาศัย Vitamin D3 ช่วยในการดูดซึม (จากปกติ Calcium จะดูดซึมได้ดีจำเป็นต้องมี Vitamin D3 ช่วยในการดูดซึม
ปริมาณที่แนะนำในแต่ละวัน ปริมาณที่แนะนำสูงสุดไม่ควรเกินเท่าไหร่ ในแต่ละวัน และถ้าหากมากเกินจะมีผลข้างเคียงต่อร่างกายอย่างไร?
ทำความเข้าใจก่อน ทั้งอาหาร และ อาหารเสริมทุกชนิด หากทานมากเกินไป ไม่เกิดผลดีต่อร่างกาย จำเป็นต้องรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม ตามคำแนะนำในฉลาก
ปริมาณที่แนะนำให้รับประทานในแต่ละวัน คือ ไม่เกิน 12,600 มิลลิกรัม/วัน
หากบริโภคเกินมากเป็นเวลานานก็จะก่อให้เกิดผลเสียต่อไตและตับ
ผู้ป่วยที่มีภาวะ hypercalcemia หรือ ภาวะแคลเซียมในเลือดสูง เป็นภาวะที่อาจทำให้กระดูกของผู้ป่วยอ่อนแอลง ทำให้เกิดนิ่วในไต และส่งผลต่อการทำงานของสมองและหัวใจได้
ผู้ป่วยที่มีภาวะไตวาย
ปริมาณที่แนะนำให้รับประทานในแต่ละวัน คือ ไม่เกิน 4,400 มิลลิกรัม/วัน
เนื่องจากในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Avogen มีปริมาณของ Avocado Powder ซึ่งเป็นปริมาณที่ถูกวิจัยโดยผู้เชี่ยวชาญแล้วว่าไม่ทำให้เกิดผลเสียใดๆต่อร่างกายของคนเมื่อรับประทาน แต่ถ้าหากมีการบริโภคที่มากเกินไปติดต่อกับเป็นเวลานาน ก็จะทำให้ก่อให้เกิดผลเสียต่อไตและตับ
ปริมาณที่แนะนำให้รับประทานในแต่ละวัน คือ ไม่เกิน 80 มิลลิกรัม/วัน เนื่องจากโดยปกติแล้ว Collagen Type2 (UCII) ที่เป็นส่วนประกอบของ Avogen 40 มิลลิกรัม ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เกิดประสิทธิภาพซึ่งเน้นการบำรุงข้อต่อโดยตรง ไม่มีเหตุผลใดที่จำเป็นจะต้องบริโภคมากจนเกินไป
ถ้าหากบริโภคเกินความต้องการของร่างกายจะไม่ได้ทำให้ผลข้างเคียงโดยทันที และอาจถูกขับออกมาในรูปของของเสีย แต่หากบริโภคมากเกินไปเป็นเวลานานก็จะทำให้เกิดผลข้างเคียงต่อไตและตับ
เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย (ปริมาณที่แนะนำให้รับประทานในแต่ละวันเพื่อป้องกันการขาดแคลเซียม ดังนี้
* เด็กอายุไม่เกิน 3 ปี: 400-800 มิลลิกรัม/วัน
* เด็กอายุ 4-6 ปี: 800 มิลลิกรัม/วัน
* เด็กอายุ 7-10: 800 มิลลิกรัม/วัน
* วัยรุ่นและผู้ใหญ่: 800-1,200 มิลลิกรัม/วัน
* หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร: 1,200 มิลลิกรัม/วัน
ถ้าหากบริโภคเกินความต้องการของร่างกายจะไม่ได้เกิดผลข้างเคียงโดยทันที แต่ไม่ควรบริโภคเกินบ่อยครั้งเพราะจะทำให้ร่างกายได้รับแคลเซียมในปริมาณมากเกินไปโดยที่เราไม่รู้ตัว แต่ไม่สามารถดูดซึมและนำไปเสริมสร้างกระดูกได้ ทำให้แคลเซียมก่อเป็นหินปูนแทรกอยู่ตามส่วนต่างๆของร่างกาย ก่อให้เกิดหินปูนหรือแคลเซียมเกาะผนังหลอดเลือด เพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด ก่อให้เกิดหินปูนในเต้านม ในต่อมลูกหมาก หรือก่อให้เกิดนิ่วในไต (อ้างอิง: แนวทางการบริโภคอาหารเพื่อเพิ่มแคลเซียมป้องกันโรคกระดูกพรุน.(2545). กรุงเทพฯ : กองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข)
ทั้งนี้แพทย์จะสั่งจ่ายยาตามความรุนแรงในการขาดแคลเซียมของผู้ป่วย ซึ่งแคลเซียมแต่ละชนิดและแต่ละปริมาณจะประกอบด้วยสารแคลเซียมปริมาณที่แตกต่างกันไป)
ไม่ส่งผลให้เกิดโรคเก๊าท์เนื่องจากกระดูกอ่อนอกไก่ที่สกัดออกมาแล้วไม่มีส่วนประกอบของ Uric Acid ทำให้ไม่เกิดผลข้างเคียง แต่ยังจะช่วยแก้ไขปัญหาของโรคเก๊าท์ได้อีกด้วย
เนื่องจาก Collagen Type2 UCII ละลายในไขมันได้ดีกว่าน้ำ แต่ยังให้ประสิทธิภาพที่ดี เนื่องจากถูกดูดซึมในลำไส้เล็กได้ดี